วันที่ 11 ก.พ. จากกรณีการเผยแพร่คำสั่งหัวหนัาคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่ 2/2562 เรื่องให้ข้าราชการพ้นจากตำแหน่ง โดยให้ 3 ผบ.เหล่าทัพพ้นจากตำแหน่งว่อนโลกโซเชียลนั้น ล่าสุด พ.อ.หญิงทักษดา สังขจันทร์ ผู้ช่วยโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ขณะนี้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (สลค.) ได้ไปแจ้งความดำเนินคดีเพื่อหาตัวผู้กระทำความผิดแล้ว
เอกสารปลอมดังกล่าว ลงวันที่ 11 ก.พ. 2562 ระบุให้ผู้บัญชาการทหารบก,
ผู้บัญชาการทหารอากาศ และผู้บัญชาการทหารเรือ พ้นจากตำแหน่ง ทว่าจากการตรวจสอบเว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา ไม่ปรากฏคำสั่งดังกล่าวแต่อย่างใด
ขณะที่ไลน์ไทยคู่ฟ้า โดยทีมงานไทยคู่ฟ้า ยังได้เผยแพร่ข้อความว่า “อย่าเชื่อ!! ใครที่เคยเห็นคำสั่งหัวหน้า คสช. ที่ 2/2562 เรื่อง ให้ข้าราชการพ้นจากตำแหน่ง โดยมีเนื้อหาใจความว่า ให้ผู้บัญชาการเหล่าทัพพ้นจากตำแหน่งนั้น” ข้อมูลดังกล่าวเป็นข้อมูลเท็จ จึงขอให้ประชาชนอย่าหลงเชื่อ และไม่ควรส่งต่อ เพราะอาจก่อให้เกิดความเข้าใจผิดและสร้างความสับสนในสังคมได้
วันที่ 11 ก.พ. คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) จะมีกำหนดพิจารณาคำร้องของนายไพบูลย์ นิติตะวัน หัวหน้าพรรคประชาชนปฏิรูป ที่ยื่นให้ กกต. พิจารณาว่าการเสนอชื่อทูลกระหม่อมหญิงอบุลรัตนฯ เข้าข่ายขัดระเบียบ กกต. เรื่องลักษณะต้องห้ามในการหาเสียงเลือกตั้ง ส.ส. หรือไม่
อย่างไรก็ดี เมื่อพิจารณาข้อกฎหมายพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (พ.ร.ป. เลือกตั้ง ส.ส.) 2561 แล้ว ดูเหมือนว่า ทษช. ไม่สามารถถอนพระนามของทูลกระหม่อมอบลรัตนฯ ออกจากนายกฯ ในบัญชีของพรรคได้แล้ว เนื่องจากบทบัญญัติตามกฎหมายในมาตรา 13 วรรคสอง ระบุว่า เมื่อพรรคการเมืองแจ้งรายชื่อบุคคลใดตามวรรคหนึ่งแล้ว บุคคลนั้นหรือพรรคการเมืองนั้นจะถอนรายชื่อหรือเปลี่ยนแปลงรายชื่อบุคคลนั้นได้เฉพาะกรณีบุคคลนั้นตายหรือขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้าม และต้องกระทําก่อนปิดการรับสมัครรับเลือกตั้ง
ที่ประชุมจะพิจารณาถึงประเด็นข้อกฎหมายในประเด็นนี้ ซึ่งคาดว่า กกต. จะสามารถวินิจฉัยหาข้อยุติได้ โดยใช้มติของที่ประชุม กกต. ชี้ขาด ทั้งนี้หากที่ประชุมเห็นว่า กกต. ไม่มีอำนาจในการตรวจสอบคุณสมบัติ หน้าที่ในการตรวจสอบคุณสมบัติจะอยู่ที่สภาผู้แทนราษฎร
เมื่อเวลา 14.20 น. วันที่ 11 ก.พ. ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก น.ส.เสฎฐา เธียรพิลากุล พนักงานอัยการสำนักงานต่างประเทศ เดินทางมายื่นคำร้องต่อศาลอาญาเพื่อขอถอนฟ้องคดีส่งผู้ร้ายข้ามเเดน คดีดำหมายเลข ผด.6/2562 ที่เคยยื่นคำร้องขอส่งผู้ร้ายข้ามแดน นายฮาคีม อัล อาไรบี อายุ 25 ปี อดีตนักฟุตบอลทีมชาติบาห์เรน กลับไปดำเนินคดีที่ประเทศบาห์เรน ตามคำขอของทางการบาห์เรน ขณะนี้ หลังจากที่พนักงานอัยการยื่นคำร้องเเล้ว อยู่ระหว่างพิจารณาคำร้องของศาลอาญา
โดยคดีนี้รัฐบาลบาห์เรน มีหนังสือลงวันที่ 3 ธ.ค.61 ขอให้รัฐบาลไทยจับกุมและคุ้มขังชั่วคราว “นายฮาคีม” อดีตนักฟุตบอลทีมชาติบาห์เรน เพื่อดำเนินการส่งตัวเป็นผู้ร้ายข้ามแดน ไปรับโทษตามคำพิพากษาที่ประเทศบาห์เรน ในความผิดฐาน 1.ลอบวางเพลิง 2.ชุมนุมโดยมิชอบด้วยกฎหมายมากกว่า 5 คนในที่สาธารณะ 3.ครอบครองวัตถุไวไฟ 4.ทำให้รถยนต์ส่วนบุคคลของผู้อื่นเสียหาย
ทักษิณ ชินวัตร โพสต์ข้อความทวิตเตอร์ – ชีวิตต้องดำเนินต่อไป!
วันที่ 9 ก.พ. ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ทวีตข้อความทางทวิตเตอร์เป็นภาษาอังกฤษ ผ่านแอคเคาต์ส่วนตัว @ThaksinLive ในวันนี้ (9 ก.พ.) แปลเป็นภาษาไทยว่า “จงเชิดหน้าและก้าวต่อไป! เราเรียนรู้จากประสบการณ์ในอดีต แต่มีชีวิตอยู่เพื่อวันนี้ และอนาคต สู้เข้าไว้ ชีวิตต้องดำเนินต่อไป!”
ความเคลื่อนไหวครั้งนี้เกิดขึ้นหลังจากกรณี ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี ทรงได้รับการเสนอพระนามเป็นนายกรัฐมนตรีในบัญชีรายชื่อของพรรคไทยรักษาชาติ (ทษช.) ทว่าในเวลาต่อมา สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระราชโองการ ทูลกระหม่อมหญิงต้องอยู่เหนือการเมือง
ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนฯ ทรงระบุว่า ขอบคุณพวกเราคนไทยทุกๆคน สำหรับความรักและน้ำใจที่มีต่อกันในวันที่ผ่านมานี้ และขอบคุณที่ให้กำลังใจ และให้ความสนับสนุนดิฉันมาโดยตลอด
อย่างไรก็ตาม ขอบอกอีกครั้งด้วยความจริงใจว่า อยากเห็นประเทศไทยเดินไปข้างหน้า เป็นที่ชื่นชมและยอมรับของนานาประเทศ อยากเห็นพวกเราชาวไทยทุกคนมีสิทธิและโอกาส มีความสุขอยู่ดีกินดี มึความสุขทั่วถึงกัน และขอขอบคุณด้วยความรักอย่างจริงใจนะคะทุกคน ขออวยพรให้ทุกคนชคดีมีความสุข #ILoveYou
สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร มีพระราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม ให้ประกาศว่า สถาบันพระมหากษัตริย์ไทยเป็นศูนย์รวมและเป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจของประชาชนชาวไทย พระมหากษัตริย์และพระบรมราชวงศ์ทุกพระองค์ ทรงดำรงสถานะอยู่เหนือการเมือง และทรงประกอบพระราชกรณียกิจเพื่อประเทศชาติและประชาชนมาโดยตลอด ดังเป็นที่ประจักษ์ชัดแจ้งว่าตลอดระยะเวลา 70 ปี แห่งการครองสิริราชสมบัติของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจนานัปการเพื่อความผาสุกและความอยู่ดีกินดีของประชาชน ทรงปกครองประเทศด้วยทศพิธราชธรรม และนำพาประเทศให้ผ่านพ้นวิกฤตต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นภัยก่อการร้าย ภัยพิบัติ และภัยที่เกิดจากวิกฤตการณ์ทางการเมืองในประเทศ ทรงบำบัดทุกข์บำรุงสุข และดูแลปกป้องประชาชนด้วยน้ำพระราชหฤทัยที่เปี่ยมด้วยพระมหากรุณาอย่างมิอาจประมาณได้ ประชาชนทุกหมู่เหล่าเคารพรัก และเทิดทูนพระองค์เสมือนด้วยบิดา จึงทรงเป็น “พ่อแห่งแผ่นดิน” โดยแท้จริง
Credit : แนะนำสถานที่ท่องเที่ยว | แต่งบ้านและสวน | พระเครื่อง | รีวิวกล้องถ่ายรูป